Friday, November 23, 2012

ท่อง 2 เมืองริมโขง ชมประเพณีไหลเรือไฟคู่บ้าน ไหว้พระธาตุประจำวันเกิด กับแอร์เอเชีย


นครพนม เมืองริมฝั่งโขงที่งดงามด้วยธรรมชาติ วิถีชีวิตและวัฒนธรรมประเพณีที่น่ารักในตัวเอง และด้วยความที่เป็นเมืองวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ยังคงเรียบง่ายและเดินไปอย่างเชื่องช้า อีกทั้งยังยึดมั่นในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง จึงทำให้เมืองแห่งนี้มีพระธาตุสำคัญให้นักท่องเที่ยวได้กราบไว้บูชาถึง 7 องค์ ใครเกิดวันไหนก็สักการะพระธาตุประจำวันเกิดของตน ซึ่งเชื่อกันว่าจะทำให้ชีวิตอยู่ดีมีสุข
ช่วงวันออกพรรษาที่ผ่านมา  ได้รับคำชวนจากสายการบินใจดีอย่างแอร์เอเชีย ชวนผู้เขียนบินลัดฟ้า สู่ จ. นครพนม ไปร่วมทริป ‘ท่องประเพณีไหลเรือไฟคู่บ้าน ไหว้พระธาตุประจำวันเกิด อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ ตลาดอินโดจีน' เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ท่ามกลางสายลมเย็นริมฝั่งโขงและความงดงามของประเพณีดีๆ ที่นักท่องเที่ยวต้องหาโอกาสเดินทางมาสัมผัสด้วยตาตัวเองสักครั้ง
วันแรกเราถึงสนามบินในช่วงบ่ายแก่ๆ ก่อนสตาร์ทรถออกเดินทงไปสักการะ พระธาตุนคร วัดมิ่งเมือง หรือวัดพระธาตุในปัจจุบัน เป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดในวันเสาร์ ลักษณะของพระธาตุนครมีรูปร่างตามแบบพระธาตุพนมองค์เดิม ภายในองค์พระธาตุเจดีย์บรรจุพระอรหันต์สารีริกธาตุพร้อมกับองค์พระพุทธรูป ทองคำ พระพุทธรูปเงินบรรจุผอบไม้จันทร์แดง และของมีค่าต่าง ๆ ท่านที่มากราบสักการะจะได้อานิสงส์ส่งผลให้มีบุญวาสนาเป็นเจ้าคนนายคน แต่คนเกิดวันอื่นๆ ก็มาไหว้ขอพรได้เหมือนกันนะ อิ่มบุญอิ่มใจแล้วเราก็ออกเดินทางเข้าที่พักใจกลางเมืองนครพนม เพื่อเตรียมพลังไว้ชมกิจกรรรมตระการตาและท่องเที่ยวเมืองแห่งนี้แบบจัดเต็ม!
เช้าวันถัดมา นับว่าบุญตาของนักท่องเที่ยวอย่างเรายิ่งนัก ที่ได้มีโอกาสมาชมพิธีรำบูชาพระธาตุพนม ประจำปี 2555 ณ บริเวณหน้า วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.พระธาตุพนม ที่งดงามยิ่งใหญ่ตระการตามาก พร้อมสักการะ พระธาตุพนม พระธาตุเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดนครพนมและพระธาตุสำคัญของภาคอีสาน ซึ่งผู้คนทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาวให้ความเคารพอย่างมาก เชื่อกันว่าพระธาตุแห่งนี้เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีวอกและเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอาทิตย์อีกด้วย หากที่ได้มานมัสการจะได้รับอานิสงส์มีบุญบารมีและผู้คนให้ความเคารพนับถือ พระธาตุพนมมีประวัติความเป็นมายาวนานนับพันปี ได้รับการบูรณะมาแล้วหลายครั้ง ภายในองค์พระธาตุบรรจุพระอุรังค์ธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อมีโอกาสเดินทางมาจังหวัดนครพนมแล้วจึงควรไปกราบสักการะพระธาตุพนมแห่งนี้เพื่อความเป็นสิริมงคลสักครั้งในชีวิต
จากนั้นเราออกเดินทางสู่อำเภอนาแก สักการะ พระธาตุศรีคุณ พระธาตุคู่บุญของผู้เกิดวันอังคาร ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระธาตุศรีคุณ ลักษณะคล้ายพระธาตุพนม ต่างกันที่ชั้น 1 มี 2 ตอน เป็นรูปสี่เหลี่ยมประดับลวดลายปูนปั้นชั้นที่ 2 สั้นกว่าพระธาตุพนม ภายในองค์พระธาตุบรรจุพระอรหันต์สารีริกธาตุของโมคคัลลานะ พระสารีบุตร พระอัครสาวกซ้ายขวาของพระพุทธเจ้าและพระสังกัจจายนะ เชื่อกันว่าหากมีโอกาส ได้กราบสักการะพระธาตุองค์นี้แล้วจะได้รับอานิสงส์มีศักดิ์ศรีทวีคูณ และจะเสริมพลังนักสู้ให้มีจิตใจ เข้มแข็งขึ้น
เสร็จแล้วเราเดินทางไปสักการะ พระธาตุเรณูนคร พระธาตุสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของชาวเรณูนครและเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันจันทร์ ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระธาตุเรณู อำเภอเรณูนคร องค์พระธาตุมีลักษณะสวยงามจำลองมาจากพระธาตุพนมแต่มีขนาดเล็กกว่า ภายในบรรจุพระไตรปิฎก พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูป และเครื่องกกุธภัณฑ์ของพระยาและเจ้าเมืองสมัยก่อน เชื่อกันว่าผู้ที่ได้กราบไหว้จะมีเสน่ห์รูปร่างหน้าตาผ่องใส
จากนั้นเราเดินทางต่อไปนมัสการพระธาตุประจำวันเกิดของผู้เกิดวันศุกร์ นั่นคือ พระธาตุท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทรงสี่เหลี่ยมจำลองแบบมาจากพระธาตุพนม ภายในบรรจุพระพุทธสารีริกธาตุ ซึ่งได้อัญเชิญมาจากเมืองย่างกุ้งประเทศพม่า หากคนเกิดวันศุกร์ไปนมัสการจะได้รับอานิสงส์ให้ชีวิตมีความรุ่งโรจน์ เปรียบเสมือนพระอาทิตย์ขึ้นยามรุ่งอรุณ
อิ่มใจกันแล้ว ยามบ่ายเราเดินทางไปสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว แห่งที่ 3 เพื่อเก็บบรรยากาศความงามของทัศนียภาพริมแม่น้ำโขงในยามหน้าหนาว สะพานมิตรภาพนี้จะเชื่อมทางหลวงหมายเลข 13 จากฝั่งไทยไปเมืองท่าแขก แขวงคำม่วนของลาว และเชื่อมไปถึงเมืองวินห์ ซึ่งเป็นท่าตอนกลางของเวียดนาม ยกระดับความเป็นบ้านพี่เมืองน้องให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
ยามเย็นหลังจากประอาทิตย์โบกมือลาลับ เราเข้าร่วมงานพาแลงริมแม่น้ำโขงและชมประเพณีไหลเรือไฟประจำปีของชาวจังหวัดนครพนมที่แสนงดงามตระการตาร มีเรือไฟลอยลำริมฝั่งโขง การจุดพลุหลากสีสัน ที่ทำให้ค่ำคืนนี้ของเมืองนครพนม เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ประทับใจไปอีกนานแสนนาน
เช้าวันสุดท้าย เราออกเดินทางไปเที่ยวจังหวัดบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างมุกดาหาร มุ่งหน้าสู่ อุทยานภูผาเทิบ ปะติมากรรมธรรมชาติที่เกิดจากกลุ่มหินรูปทรงหลายแบบวางซ้อนทับกันคล้ายกันเพิงผากันแดดกันลมได้ ซึ่งภาษาท้องถิ่นเรียกลักษณะเช่นนี้ว่า "เทิบ" มีข้อสันนิษฐานว่า บริเวณกลุ่มหินนี้ แต่ก่อนคงปกคลุมด้วยดิน เป็นภูเขาดิน ต่อมาถูกฝน ลมกัดเซาะพังทลายลงเรื่อย จึงมองเห็นหินโผล่ขึ้นมาเป็นกลุ่มก้อน
บนภูผาเทิบอากาศเย็นสบาย หากเราค่อยๆ เดิน เพลินชมไปเรื่อยๆ เราจะเห็นหินรูปร่างแปลกตาอยู่หลายแห่ง บางอันมีรูปร่างคล้ายร่ม เห็ดขนาดใหญ่ ไอพ่น มงกุฏ ดอกบัวบาน รองเท้าบู๊ท เก๋งจีน สถูป และจานบิน เป็นต้น และ ในแต่ละฤดูจะมีดอกไม้พลัดเปลี่ยนกันออกดอกตามฤดูกาล เพิ่มความงามให้กับภูผาเทิบอีกมาก ซึ่งมีทั้งดอกไม้ที่ขึ้นอยู่ตามซอกหินผา เช่น เอนอ้า เทียนหิน หรือดุสิตา และดอกกล้วยไม้ประเภทช้างน้าว ตาลเหลือง เป็นต้น ภูผาเถิบสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดปี โดยเฉพาะช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม อากาศจะเย็นสบาย และตามลานหินจะมีดอกไม้กินแมลงสีสวยขึ้นอยู่มากมาย
ปิดท้ายก่อนเดินทางกลับสิ่งที่พลาดไม่ได้ คือการเดินช็อปปิ้งเลือกซื้อของฝากถูกใจที่ ตลาดอินโดจีน ริมฝั่งโขง ทริปนี้เรียกได้ว่าเป็นทริปทำบุญที่แสนอิ่มอกอิ่มใจ และประทับใจกับความสบายๆ ของเมืองน่ารักริมฝั่งโขง ที่จะต้องกลับไปเยือนอีกครั้งให้ได้ ทุกวันนี้ไปนครพนมเดินทางสะดวกสบาย นั่งเครื่องบินแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว แถมราคาไม่แพงด้วย สนใจคลิกเข้าเช็ควันเวลาเดินทางได้ที่ www.airasia.com แค่นี้ก็เที่ยวได้ชิลล์ๆ โดยไม่ต้องรอวันหยุดยาวแล้ว
เรื่องและภาพ:
ขอขอบคุณ: สายการบินแอเอเชียร์

บทความที่ได้รับความนิยม