Wednesday, October 24, 2012

น้ำตกสาริกา นครนายก


น้ำตกสาริกาตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครนายก ห่างจากกรุงเทพเพียง 107 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงมานาน และสวยงามมาก ปลกคลุมไปด้วย พืชพันธุ์ต่างๆ ป่าไม้เขียวขจี น้ำตกมีขนาดใหญ่จำนวน 9 ชั้น ผาที่สูงที่สุดประมาณ 200 เมตร แต่ละชั้นมีอ่างรับน้ำ สายน้ำจากหน้าผาสูงทำให้สายน้ำไหลตกลงมาอย่างสวยงาม ประกอบกับ ความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า เขียวชอุ่ม  ด้วยธรรมชาติที่ร่มรื่นไปด้วยแมกไม้ น้ำตกจะน้อยมากในหน้าแล้ง แต่น้ำจะมากในฤดูผน ในช่วงฤดูฝน ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม ในพื้นที่จะมี บริการร้านอาหาร และห้องอาบน้ำ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ชอบที่จะไปเที่ยว เพราะอยู่ใกล้กรุงเทพมาก  มีร้านอาหาร มีร้านขายของที่ระลึก หากขับรถไปเองจะมีป้ายบอกทางตลอด

 
การเดินทางไปน้ำตกสาริกา
 
ขับรถจากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 305 เลียบคลองรังสิต ผ่านอำเภอองค์รักษ์ สู่จังหวัดนครนายก ต่อจากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 3049 และ 3050 อีก 3 กิโลเมตร ทางลาดยางตลอดสายก็จะถึงน้ำตกสาริกา 
หรือใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) เลี้ยวขวาที่แยกหินกอง แล้วไปตามทางหลวงหมายเลข 33 จะถึงจังหวัดนครนายก
 
การเข้าน้ำตกสาริกาจะต้องเสียค่าบำรุงผู้ใหญ่คนละ 40 บาท/คน เด็กคนละ 20 บาท/คน 
นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่คนละ 400 บาท/คน เด็กคนละ 200 บาท/คน 

Tuesday, October 23, 2012

ตลาดเก้าห้อง บางปลาม้า สุพรรณบุรี


ตลาดเก้าห้อง ตั้งอยู่ที่หมู่ 2 เทศบาลตำบลบางปลาม้า ไปตามทางหลวงหมายเลข 340 กิโลเมตรที่ 87-88 (เลยแยกเข้าอำเภอบางปลาม้า ไปประมาณ 1 กิโลเมตร) เข้าไปอีกประมาณ 2.4 กิโลเมตร(ทางไปวัดลานดุก) เป็นตลาดเก่าแก่ซึ่งเป็นย่านการค้าที่รุ่งเรืองริมแม่น้ำสุพรรณบุรี หรือแม่น้ำท่าจีนเมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีมาแล้ว ปัจจุบันยังคงเห็นสภาพตลาดริมน้ำแบบอดีตที่ยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้ โดยมีหอดูโจร โรงสีเก่า ศาลเจ้า และบ้านเก้าห้อง (ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำฝั่งตรงข้ามตลาด) เป็นสิ่งก่อสร้างในอดีตที่น่าสนใจ

มีการจัดทำพิพิธภัณฑ์ตลาดเก้าห้องให้ผู้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ ชุมชนแห่งนี้แม้จะเงียบเหงาไปบ้าง แต่ในทุกวันอาทิตย์ชาวบ้านจะนำสินค้าอาหารคาวหวานมาจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยวผู้มาเยือน มีทั้งขนมเปี๊ยะ ขนมจันอับ กระหรี่พัฟ ขนมถ้วยฟู กาแฟโบราณ ห่านพะโล้ ก๋วยเตี๋ยวเรือ ราดหน้า ผัดไทย เป็นต้น

สิ่งที่น่าสนใจได้แก่
  • โรงสีเก่า
  • เรือนไม้เก่า
  • เครื่องพิมพ์โบราณอายุร่วม 80 ปี (โรงพิมพ์ไพโรจน์)
  • บ้านสะสมเหล้าเก่า
 
สถานที่ท่องเที่ยวในตลาด : 
  • หอดูโจร 
  • พิพิธภัณฑ์บ้านเก้าห้อง 
  • ของเก่าโบราณบ้านมหาเจริญ(นาฬิกาและตะเกียง)
การเดินทาง
จากตัวเมืองสุพรรณบุรี ใช้เส้นทางสุพรรณบุรี-บางแม่หม้าย ประมาณ 9 กิโลเมตร จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าตลาดเก้าห้อง มีลานจอดรถด้านหน้าตลาดฝั่งตรงข้ามโรงเรียนวัดบ้านหมี่ จากตัวเมืองสุพรรณบุรีมีรถประจำทางสายสุพรรณฯ-เก้าห้อง มาลงที่ตลาดเก้าห้อง

รีวิว ภูวิวรีสอร์ท ปากช่อง นครราชสีมา

เนื่องจากต้องมีภาระกิจไป inspection resort นามว่า ภูวิวรีสอร์ท ปากช่อง แห่งนี้ เพื่อที่จะได้นำเสนอให้กรุ๊ปลูกค้า่ของทราเวลรูทคลับ จึงได้รูปภาพบางส่วนมาฝากพี่ๆ เพื่อนๆ ของผมได้ดูกัน หากใครแวะเวียนไปปากช่อง แล้วอยากหาทีี่พักดีๆ ราคาไม่แพงมากเกินไป ที่นี่ซิครับ ผมรับประกันเรื่องคุณภาพห้องพัก อาหารที่อร่อยมากมาย จากร้านครัวระเบียงวิว 

ภูวิวรีสอร์ท เขา ใหญ่ ปากช่อง ตั้งอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยว ที่สำคัญต่าง ในบริเวณใกล้เคียงมากมาย ส่องสัตว์กันที่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ดูฝูงเก้ง ฝูงกวาง นับร้อยนับพัน ที่อยู่กันตามธรรมชาติ และหาดูได้ยาก, ประสาทหินพิมาย แหล่งรวมอารยธรรมเก่าแก่ ชั้นประวัติศาสตร์ของไทย หรือจะเป็นบ้านด่านเกวียน ศูนย์รวมงานฝีมือหัตถกรรม เครื่องปั้นดินเผา เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งเป็นเขื่อนดินที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และยังเป็นแหล่งรวมของปลาน้ำจืด มากมายหลายชนิด ในโครงการพระราชดำริ น้ำตก 7 สาวน้อย หากคุณกำลังมองหาความสมบูรณ์แบบ ในการพักผ่อนอย่างแท้จริง ด้วยความเข้าใจในคุณค่าของชีวิต ภูวิว รีสอร์ท คือวิมานบนดินที่คุณกำลังมองหา

สถานที่พักผ่อนในฝัน ที่ที่คุณและครอบครัวกำลังมองหา บนท่ามกลางหมูมวลพฤกษานานาพรรณและด้วยความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 600 เมตร ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ ภูวิว รีสอร์ท เย็นชื่นฉ่ำใจ ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นฤดูไหนๆ และ อุณหภูมิ เฉลี่ยที่เราวัดได้ 25 องศาเซลเซียส เท่านั้น ด้วยทางหลวงกรุงเทพฯ – สระบุรี ที่มีความกว้าง 10 เลน ซึ่งเป็นถนนหลักที่ใหญ่ที่สุด ที่ใช้ในการเดินทางสู่ภาคอีสาน เพียง 1 ชั่วโมงเศษจากกรุงเทพฯมาบนถนนคู่ขนานสายมิตรภาพ จากฟาร์มโชคชัยถึงแยกบายพาส ให้คุณเบี่ยงซ้าย เข้าตัวเมืองปากช่อง ประมาณหลักกิโลเมตร ที่ 167 มองหาป้ายทางขวามือ คุณก็จะถึง ภูวิว รีสอร์ทที่มีเนื้อที่สงบปลอดโปร่ง

ที่พักสามารถติดต่อผมได้ ทางผมมีราคาพิเศษให้ ไม่ว่าจะไปพักเอง หรือไปเป็นหมู่คณะ

Photobucket

บรรยากาศสวนหย่อมโซนด้านหน้า เล็กแต่ดูแล้วอบอุ่น รายล้อมไปด้วยบ้านพักหลังเล็กหลายหลัง 

Photobucket

ภายในรีสอร์ท มีห้องประชุมสำหรับการสัมมนา 

Photobucket


บ้านพักจะออกแบบเป็นหลังๆ บางหลังจะมี สองห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่น พร้อมทีวี ภาพนี้กับบรรยากาศบ้านพักรอบริมสระน้ำ 

Photobucket

กับสระว่ายน้ำในช่วงพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า สระนี้อาจจะดูไม่ใหญ่ แต่ก้อดูอบอุ่นและสะอาด สระว่ายน้ำใช้ระบบบำบัดด้วยน้ำเกลือ

Photobucket

Photobucket

อาคารห้องสัมมนา ยามพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า

Photobucket

หลังจากนั้น ผมจะพามาดูภายในห้องพักกัน บ้านพักแต่ละหลังจะมีทั้งหมด 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น ทุกห้องมีทีวี 

Photobucket

ภายในห้องพักประกอบไปด้วย ทีวี ตู้เย็น พร้อมน้ำดื่มจำนวน สองขวด 

Photobucket

ภายในห้องน้ำ จะบอกว่าสวยสุดยอด คุ้มค่าเกินราคาค่าบ้านพัก 

Photobucket

Photobucket

รูปด้านล่าง เป็นบ้านพักของลูกค้าที่เคยมาพักแล้วติดใจ การออกแบบ ห้องนอนและห้องน้ำ ก้อเลยขอซื้อจากเจ้าของรีสอร์ท พอดีเจ้าของบ้านอยู่ ก้อเลยขอให้ช่วยถ่ายรูปให้

Photobucket

บ้านหลังนี้ประกอบไปด้วยทั้งหมด สองห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่น และหนึ่งห้องครัว 

Photobucket

ห้องน้ำมีทั้งในส่วน Indoor ,Outdoor 

Photobucket

Photobucket

หลังจากมืดแล้ว ท้องก้อเริ่มร้องซะแล้ว ขอบอกว่าที่นี้เค้ามีอาหารอร่อยๆ อยู่คู่กับรีสอร์ทเลย 

อย่างแรก ขอแนะนำ ยำระเบียงชมวิว ซึ่งประกอบด้วย ปลาหมึกลวก กุ้ง ไข่เยี่ยวม้า ปูอัด พร้อมด้วยขิงดอง รสชาติจัดจ้านเลย ราคาจานละ 120 บาท 

Photobucket

เมื่อเจออาหารรสจัดเข้าไป ก้อไปทานไก่ทอดเกลือกันบ้าง รสชาติที่นี่ไม่เค็มจนเกินไปแบบรถเกลือหก เนื้อไก่ทอดกรอบเนื่อนุ่ม ไม่ใช่ทานไปเจอแต่กระดูก ราคาย่อมเยาว์ 80 บาท ทานไม่อิ่มก้อสั่งกันเพิ่มนะครับ 

Photobucket

เสร็จแล้ว ก้อจะพาไปทานปลาช่อนทอดกรอบโบราณ ราคา 200 บาท ที่นี่ทำน้ำยำอร่อยเลย ไม่หวาน เผ็ดจนเกินไป 

Photobucket

ยังไม่มีอาหารที่เป็นน้ำเลย วันนี้ผมลองสั่ง ต้มโคล้งปลากรอบ มาทานดู รสชาติอร่อยทีเดียว เครื่องเยอะ ชามนี้ราคาน่าจะประมาณ 70 บาท 

Photobucket

หลังจากทานอิ่มแล้ว ตาผมก้อเริ่มหย่อน ขอไปหลับก่อนนะคร้าบ......

สำหรับช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้น ผมได้มีโอกาสถ่ายรูปพระอาทิตย์ยามเช้า ที่รีสอร์ท 

Photobucket

เช้าวันนี้ ได้มีโอกาสเห็นรุ้งกินน้ำด้วย 

Photobucket

กับบรรยากาศยามเช้าด้านหลังรีสอร์ทครับ 

Photobucket

ช่วงเช้าผมมาถ่ายสระว่ายน้ำอีกครั้ง

Photobucket

Photobucket

Photobucket

หลังจากนี้ ผมจะพาไปชม ห้องพักที่อยู่ด้านบนของ Recieption ซึ่งต้องบอกว่าใหญ่มากครับ 

Photobucket

Photobucket

จากหน้าบ้าน มองเห็นทิวเขาสวยงามยิ่งนัก

Photobucket

ภายในห้องพัก ออกแบบให้อากาศถ่ายเท ปลอดโปร่ง 

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

ถ้าหากสนใจเข้าพัก หรือต้องการติดต่อสำหรับกรุ๊ป สามารถติดต่อได้ที่ผม ทางผมมีราคาให้พิเศษแน่นอนครับ 

http://www.travelrouteclub.com 
Tel : 081-9160194,081-4431355

เที่ยวปางอุ๋ง แม่ฮ่องสอน


ปางอุ๋ง (บ้านรวมไทย)  ความสวยงามของปางอุ๋งอยู่ที่ พระอาทิตย์ขึ้นและบรรยากาศยามเช้า ท่ามกลางบึงน้ำขนาดใหญ่ สายหมอก สวนสนสามใบที่ริมบึงและอากาศที่หนาวเย็น ปางอุ๋งมีลักษณะเป็นพื้นที่เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่บนยอดเขาสูง ริมอ่างเก็บน้ำเป็นทิวสนที่ปลูกเรียงรายกัน ภาพอันสวยงามของไอหมอกที่ลอยเหนือทะเลสาป กับบรรยากาศอันหนาวเหน็บในยามเช้า ทำให้ปางอุ๋ง กลายเป็นสถานที่ท่องเี่ที่ยวมาแรง ยอดฮิต สุดแสนโรแมนติกติดอันดับต้นๆของแม่ฮ่องสอน จนได้รับขนานนามว่าเป็น "สวิตเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย" ยิ่งยามพระอาทิตย์ขึ้นจะสะท้อนผืนน้ำผ่านทิวสนและไอหมอกบางๆ ยิ่งเ็ป็นภาพที่สร้างความประทับใจแบบสุดๆ


 
โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) เป็นโครงการในพระราชดำริ ิของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเห็นว่าพื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่อันตราย อยู่ติดแนวชายแดนพม่า มีกองกำลังต่างๆ มีการขนส่ง ปลูกพืชเสพติด รวมไปถึงการบุกรุกพื้นที่ตัดไม้ทำลายป่าอยู่เสมอ
 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีนาถจึงมีพระราชดำริให้รวบรวมราษฎรกลุ่มน้อยบริเวณนั้น และ พัฒนาความเป็นอยู่ ส่งเสริมอาชีพปลูกป่า สร้างอ่างเก็บน้ำ โดยมีพระราชประสงค์สร้างความมั่นคงแนวชายแดน พัฒนาความเป็นอยู่ของราษฎรให้ดีขึ้นและฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้สมบูรณ์ยั่งยืนตลอดไป
 
ที่เที่ยวใกล้ปางอุ๋ง
  • บ้านรักไทย จากบ้านรวมไทยขึ้นไปอีก 6 กิโลเมตร มีร้านอาหารยูนานอร่อยมาก โดนเฉพาะขาหมู หมั่นโถ เสริฟพร้อมชาแสนอร่อย ที่นี่เป็นแหล่งขายใบชาและผลไม้แช่อิ่มมากมาย หมู่บ้านจีนฮ่อ ลูกหลานนายพลต้วนแห่งก๊กมินตั๋น ที่หมู่บ้านแห่งนี้มีการปลูกชา อยู่เขตชายแดนไทย-พม่า
  • น้ำตกผาเสื่อ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 26 กิโลเมตร อยู่เส้นทางเดียวกับปางอุ๋ง อยู่ติดถนนครับ เส้นทางเป็นทางลาดยางตลอด น้ำตกแห่งนี้ไหลลงมาจากน้ำตกแม่สะงาในพม่ามี 6 ชั้นมีน้ำตลอดปีช่วงที่เหมาะสมจะไปท่องเที่ยวคือเดือนกรกฎาคม-กันยายน
 
ที่พักที่ปางอุ๋ง
1.รวมไทยเกสท์เฮ้าส์ 
- เกสท์เฮาส์ขนาดเล็ก และ บ้านชนเผ่า ราคา 250 บาท ไม่มีห้องน้ำในตัว
- เกสท์เฮาส์ขนาดกลาง ราคา 350 บาท มีห้องน้ำในตัว
- เกสท์เฮาส์ขนาดใหญ่ ราคา 500 บาท มีห้องน้ำในตัว
- มีบริการให้เช่าพื้นที่กางเต็นท์ นำเต้นท์มาเองเสียค่าสถานที่ 50 บ.
• ติดต่อ โทร. 053-611244
2.บ้านพักของโครงการพระราชดำริ ปางตอง 2 (ปางอุ๋ง)
โครงการพระราชดำริ ปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) มีบ้านพักจำนวน 5 หลัง และพื้นที่กางเต็นท์ รายละเอียดการขอเข้าพักแรมบ้านพักโครงการฯ
ติดต่อเบอร์ 080 847 8456 และ 087 661 8594 
3.บ้านพักลุงปาละ
ห่างจากปางอุ๋งประมาณ 150 เมตร โทร 053-692-144 ,โทร 08-6916-8967 และ 08-4141-2636
 
การเดินทางไปปางอุ๋ง
ระยะทางจากตัวเมืองไปปางอุ๋งก็ประมาณ 40 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
  • เส้นทางที่1 จากกรุงเทพ ใช้เส้นทางกรุงเทพ-ฮอด ผ่านอยุธยา-นครสวรรค์-ตาก - ลี้ - ฮอด - แม่สะเรียง - ขุนยวม เข้าสู่ ตัวเมืองแม่ฮ่องสอนขับไปเรื่อย ๆ ผ่านน้ำตกผาเสื่อ ผ่านพระตำหนักปางตอง เข้าสู่บ้านหมอกจำแป๋ หมู่บ้านใหญ่เป็นจุดแยก ซ้ายไปปางอุ๋ง ขวาไปถ้ำปลา (ระยะทางไปถ้ำปลา แค่ 3 ก.ม.)เลี้ยวซ้ายจากนี้ไป หนทางคดโค้ง ไต่เขาชันขึ้นเรื่อยๆ มาถึง บ้านนาป่าแปก หมู่บ้านรวมมิตรที่จะเห็นชาวบ้าน ทั้งกระเหรี่ยงและไทยใหญ่ แต่งกายเป็นเอกลักษณ์ เลี้ยวซ้ายเข้า หมู่บ้านรวมไทย ผ่านหมู่บ้านรวมไทย ก็เข้าถึงจุดหมายโครงการสวนป่าในพระราชดำริปางตอง 2 “ปางอุ๋ง” ทะเลสาบสวย แต่ถ้าตรงไปเป็น หมู่บ้านรักไทย หมู่บ้านของชาวจีน จากกองพล 93
  • เส้นทางที่2 จากจังหวัดเชียงใหม่ แล้วค่อยต่อไปยังจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยใช้เส้นทางแม่มาลัย-ปาย-ปางมะผ้า ก่อนถึงแม่ฮ่องสอน จะถึงทางเข้าบ้านหมอกจำแป่ ให้เลี้ยวขวาเข้าไปตามทางจะมีป้ายบอกทางไปบ้านรวมไทย น้ำตกผาเสื่อ พระตำหนักปางตอง บ้านรักไทย ซึ่งอยู่ทางเดียวกันประมาณ 25 กิโลเมตรมีทางแยกซ้าย ป้ายเล็กๆ เขียนว่า บ้านรวมไทย ให้เลี้ยวเข้าไปผ่านหมู่บ้านห้วยมะเขือส้มตรงไปเรื่อยๆ ก็จะถึงบ้านรวมไทย หรือ ปางอุ๋ง
  • โดยสารรถประจำทาง จากแม่ฮ่องสอน ให้ไปที่หน้าตลาดสายหยุด ถามหาคิวรถปางอุ๋ง จะมีรถสองแถวประจำทางขึ้นไปยังปางอุ๋ง (บ้านรวมไทย) เป็นสาย แม่ฮ่องสอน-ห้วยมะเขือส้ม เที่ยวไป 09.00 น. และ 14.00 น., เที่ยวกลับ 06.00 น. และ 11.00 น. หรืออาจจะเหมารถจากหน้าตลาดสายหยุดไปเลยก็ได้อัตรค่าโดยสารประมาณ 600 บาท

ไร่ข้าวโพดสุวรรณ ปากช่อง นครราชสีมา


"ศูนย์วิจัยข้าวโพดและข้าวฟ่างแห่งชาติ" ภายใต้การดูแลของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หรือ ที่ใครๆ คุ้นเคยกันในชื่อ“ไร่สุวรรณ” ด้วยบรรยากาศเย็นสบาย พร้อมทิวทัศน์ทุ่งข้าวโพด, ดอกทานตะวัน กลางหุบเขา และธรรมชาติโดยรอบที่ยังคงความสมบูรณ์อยู่ ทั้งหมดอยู่บนเนื้อที่กว่า 400 ไร่ 
 
ไร่ข้าวโพดหวานสุวรรณ หรือสถานีวิจัยพืชไร่สุวรรณวาจกกสิกิจ เป็นหน่วยงานในสังกัดสถาบันอินทรีจันทรสถิตย์เพื่อการค้นคว้าและพัฒนาพืชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำการวิจัยและพัฒนาการผลิตข้าวโพดข้าวฟ่างและพืชไร่ (Field Crop) แบบครบวงจร ทำการเพาะปลูกและวิจัยข้าวโพดหวานมานาน ข้างหน้าไร่จะมีร้านขายของอยู่ มีข้าวโพดหวานขาย มีทั้งแบบต้มและแบบยังไม่ต้ม รวมทั้งน้ำนมข้าวโพดและสินค้าการเกษตรของบริเวณนั้นขายอยู่ด้วย


 
พื้นที่ของ"ไร่สุวรรณ" เดิมชื่อว่า " ไร่ธนะฟาร์ม" เป็นที่ดินของ ฯพณฯ ท่านจอมพลสฤษดิ์   ธนรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้สำหรับปลูกข้าวโพดและพืชไร่อื่นๆ รวมทั้งเลี้ยงสัตว์ด้วยวิธีการที่ทันสมัยเพื่อเป็นตัวอย่างของคนในท้องถิ่น และบริเวณใกล้เคียง หลังจากที่ท่านอสัญกรรม เมื่อปี พ.ศ.2506 ทรัพย์สินของท่านได้ตกเป็นของรัฐบาล   ต่อมาในปี พ.ศ.2508 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้รับมอบ"ไร่ธนะฟาร์ม" จากกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เพื่อจัดตั้งและพัฒนาไร่แห่งนี้ให้เป็นสถานที่สำหรับฝึกงานให้กับนิสิตคณะกสิกรรมและสัตวบาล   โดยตั้งชื่อว่า " สถานีฝึกนิสิตเกษตรสุวรรณวาจกกสิกิจ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "สถานีวิจัยพืชไร่สุวรรณวาจกกสิกิจ" จวบจนปัจจุบัน
 
ผลิตผลข้าวโพดหวานของที่นี่จะทยอยปลูกในแปลงทั้งปี และมีจำหน่ายให้ผู้ที่ผ่านไปมาบริเวณด้านหน้าฟาร์ม นอกจากนั้นยังปลูกข้าวโพดไร่เพื่อไปผลิตอาหารสัตว์ มีแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์งา และถั่วเหลือง ทิวทัศน์ในไร่สวยงามมาก เป็นบรรยากาศของทุ่งข้าวโพดอยู่กนลางหุบเขาและ เคยใช้เป็นฉากถ่ายละครหลายเรื่อง
 
ปัจจุบันมีการจัดกิจกรรมทางด้านทัวร์เกษตร สำหรับหมู่คณะที่สนใจศึกษา เทคโนโลยีการเกษตร เช่น กระบวนการผลิต การเก็บเกี่ยวข้าวโพดหวาน ฯลฯ และกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เดินป่า ไร่สุวรรณมีพื้นที่ประมาณ 3,000 ไร่ โดยมีแนวเขากั้นเป็นแนวแบ่งระหว่างด้าน หน้าและด้านหลังเขา ซึ่งภูเขายังคงสภาพป่าที่สมบูรณ์ มีสัตว์อาศัยอยู่หลายชนิด เช่น ลิง ไก่ป่า นก กระรอก ฯลฯ 
 
การเข้าชมเป็นหมู่คณะ และต้องการวิทยากรบรรยายให้ความรู้ควรติดต่อล่วงหน้า สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมในวันและเวลาราชการ โทร. 0 4436 1770-4 โทรสาร 0 4436 1108
 
สถานที่ตั้ง
ตั้งอยู่บริเวณริมถนนมิตรภาพ ช่วงหลัก กม.ที่ 155 -156 บ้านปางอโศก ต.กลางดง อ, ปากช่อง จ.นครราชสีมา   ในแนวเส้นรุ้งที่ 14.5 องศาเหนือ และแนวเส้นแวงที่ 101 องศาตะวันออก สูงจากระดับน้ำทะเล 388 เมตร    ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั้งปี 1,000 - 1,200 มิลลิเมตร อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี ประมาณ 30 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ย 85% สภาพของดิน เป็นดินเหนียว ร่วนสีน้ำตาลแดง ระบายน้ำได้ดีมาก มีความเป็นกรดปานกลางถึงกรดจัด และมีอินทรีย์วัตถุปานกลาง มีพื้นที่ทั้งสิ้น 2,589 ไร่ ถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนโดยมีภูเขา ปางอโศกกั้นกลาง พื้นที่อยู่ทางทิศเหนือของภูเขาปางอโศก ประมาณ 1,389 ไร่   ใช้เพื่อเป็นแปลงทดลองวิจัยที่สามารถให้น้ำชลประทาน ได้ตลอดปี 680 ไร่ แปลงผลิตเมล็ดพันธุ์ 390 ไร่ โดยใช้น้ำบาดาลในการชลประทาน พื้นที่อาคารสิ่งก่อสร้าง 319 ไร่ ส่วนพื้นที่ด้านทิศใต้ ของภูเขาปางอโศกใช้เป็นพื้นที่สำหรับผลิตเมล็ดพันธุ์ ท่อนพันธุ์ และเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตเมล็ดพันธุ์ มีพื้นที่ทั้งสิ้นประมาณ 1,200 ไร่

ติดต่อสถานีวิจัยฯ
เลขที่ 298 หมู่ 1 ถ.มิตรภาพ ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30320
Tel . 0-4436-1770-4 Fax. 0-4436-1108

ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร พระนครศรีอยุธยา


ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ ภายในศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ ประกอบด้วยสถานที่และสิ่งที่น่าสนใจหลายแห่งอาทิ


 
ศาลาพระมิ่งขวัญ  เป็นอาคารทรงไทยประยุกต์ จตุรมุขสูง 4 ชั้น ตั้งตระหง่านอยู่กลางศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ชั้นล่าง เป็นศูนย์สาธิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพของศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ และศูนย์ศิลปาชีพอื่น ๆ ทั่วประเทศ ชั้นที่ 2 และ ชั้นที่ 3 เป็นนิทรรศการผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพชิ้นยอดเยี่ยมของศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ ชั้นที่ 4 เป็นห้องประชุมสัมมนา เปิดให้ชมทุกวัน วันธรรมดา 09.00 - 17.00 น. วันหยุดราชการ 09.00 - 18.00 น.   ไม่เสียค่าเข้าชม
 
หมู่บ้านศิลปาชีพ  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ให้การสนับสนุนหมู่บ้านแห่งนี้ให้แก่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ เพื่อเป็นสถานที่แสดงถึงสถาปัตยกรรม ในการสร้างบ้านเรือนของคนไทยภาคต่าง ๆ การจำลองชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมไทยจากทั่วประเทศ ภายในหมู่บ้านมีการสาธิตวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไทย ๆ ในแต่ละภาค และการสาธิตงานศิลปาชีพ เปิดให้ชมทุกวัน เวลา 08.30 - 17.00 น. ในวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-19.00 น. นอกจากนี้ยังมีการแสดงนาฏศิลป์ และการละเล่นพื้นบ้านทั้ง 4 ภาคให้ชมด้วยในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์วันละ 1 รอบ ระหว่างเวลา 16.30 -17.30 น. 
 
นอกจากนี้หมู่บ้านศิลปาชีพบางไทรยังมีความยินดีที่จะนำเสนอพิธีมงคลสมรสแบบประเพณีไทยโบราณภาคกลางโดยจัดกิจกรรมตามประเพณีไทยสมบูรณ์แบบ เช่น พิธีสงฆ์ ขบวนแห่ขันหมาก พิธีรดน้ำสังข์ ตกแต่งสถานที่ เสียงดนตรี - เพลงบรรเลงตลอดงาน อาหารและน้ำดื่มสำหรับญาติและผู้มาร่วมงาน   ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่หมู่บ้านศิลปาชีพ บางไทร  โทร. 0 3536 6666-7,  08 9132 0303 
 
อาคารฝึกอบรมศิลปาชีพ  ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของศูนย์ฯประกอบด้วยอาคารฝึกอบรมศิลปาชีพของแผนกต่าง ๆ ปัจจุบันทางศูนย์ได้เปิดอบรมศิลปาชีพด้านหัตถกรรมพื้นบ้านและอาชีพเสริมให้กับเกษตรกรจากทุกภูมิภาคของประเทศรวมทั้งสิ้น 29 แผนก ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมวิธีการฝึกอบรมศิลปาชีพของศูนย์ฯได้ทุกขั้นตอนและการผลิตงานศิลปาชีพ ที่มีความประณีตวิจิตรซึ่งต้องใช้เวลาอันยาวนานเพื่อให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เปิดให้ชมทุกวัน เวลา 09.00 - 16.00 น. ยกเว้นช่วงที่ปิดรุ่นการฝึกอบรม
 
พระโพธิสัตว์กวนอิมพันพระหัตถ์  นายถู เจี๋ย ในนามของประชาชนชาวจีน ได้น้อมเกล้าฯ ถวายพระรูปพระโพธิสัตว์กวนอิมพันพระหัตถ์ซึ่งแกะสลักจากไม้จันทน์เหลืองสูง 6 เมตร จำนวน 1 องค์ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำมาประดิษฐานไว้ ณ พระตำหนักชั่วคราว ศาลาโรงช้าง ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ เพื่อให้ประชาชนที่มีจิตเลื่อมใสศรัทธาในพระโพธิสัตว์กวนอิมได้มานมัสการและสักการะบูชาทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 -17.00 น.
 
พระตำหนัก  เป็นเรือนไทยภาคกลางใต้ถุนสูงสร้างโดยวัสดุที่หาได้ง่ายในท้องถิ่นมีความสวยงามตามแบบฉบับเรือนไทยดั้งเดิม พระตำหนักนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับพักผ่อนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระ
บรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทุกพระองค์ พระตำหนักนี้แวดล้อมไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับและน้ำตกจำลองที่สวยงาม
 
วังปลา จัดสร้างและดำเนินงานโดยกรมประมง เป็นสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืด ตัวอาคารหลักมีตู้กระจกขนาดใหญ่ จำนวน 2 ตู้ ตู้ใหญ่รูปเมล็ดถั่วมีขนาดความจุ 1,400 ตัน อีกตู้หนึ่งทรงกลมขนาดความจุ 600 ตัน ภายในตู้จะแสดงให้เห็นถึงการอยู่อาศัยร่วมกันของปลาน้ำจืดชนิดต่าง ๆ ที่เป็นปลาพื้นเมืองของไทย เปิดให้ชม เวลา 10.00 -16.00 น. ปิดทุกวันจันทร์และวันอังคาร
 
สวนนก  ดำเนินงานโดยมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่า และพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระราชินูปถัมภ์ สวนนกเป็นกรงนกขนาดใหญ่ 2 กรง ภายในมีนกพันธุ์ที่หาชมได้ยากมากกว่า 30 ชนิด มีการจัดสภาพแวดล้อมภายในให้เหมือนธรรมชาติ อาทิ น้ำตกและธารน้ำจำลอง มีป่าจำลองที่ร่มรื่นใกล้เคียงกับธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีสะพานแขวนให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นไปชม และถ่ายภาพนกจากด้านบนของกรงได้อย่างชัดเจน และบริเวณรอบ ๆกรงนกยังมีสัตว์ป่าอื่น ๆ ให้ชมอีกด้วย เปิดให้ชมทุกวัน เวลา 09.00 -19.00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท 
 
ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร เปิดให้เข้าชมวันจันทร์-ศุกร์   เวลา 08.30–17.00 น. วันเสาร์ อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30–18.00 น.
อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท    ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท    เด็ก 50 บาท
เที่ยวชมภายในหมู่บ้านศิลปาชีพฯ "วังปลา" พิพิธภัณฑ์ปลาน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อาคารฝึก อบรมงานศิลปาชีพ "ศาลาพระมิ่งขวัญ" ซึ่งเป็นอาคารจำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพของนักเรียนศิลปาชีพ สักการะบูชาพระโพธิสัตว์กวนอิมฯ ณ ศาลาโรงช้าง และนั่งรถไฟเล็ก  โดยไม่เสียค่าบริการ
สอบถามรายละเอียดที่ประชาสัมพันธ์ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร โทร. 0 3536  6252-4,  0 3528 3246-9  หรือ www.bangsaiarts.com     
 
การเดินทาง
1. เส้นทางที่ 1   ทางหลวงหมายเลข 9 (ถนนวงแหวนตะวันตก) จากแยกทางหลวง 345 (อำเภอบางบัวทอง) ซึ่งมาได้จาก จังหวัดสุพรรณบุรี - ตลิ่งชัน หรือปทุมธานี ผ่านแยกต่างระดับสามโคก – ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา – เลี้ยวซ้ายทางแยกบ่อส่า - เดินรถตรงจนถึงศูนย์ฯ
2. เส้นทางที่ 2  ทางหลวงหมายเลข 306 (ถนนติวานนท์) จากห้าแยกปากเกร็ด - ผ่านแยกสวนสมเด็จ – ผ่านแยกปากคลองรังสิต - ผ่านแยกบางพูน - เลี้ยวขวาที่แยกเทคโนฯปทุมธานีเข้าทางหลวงหมายเลข 347 (ปทุมธานี - บางปะหัน) ผ่านแยกเชียงรากน้อย – เลี้ยวซ้ายทางต่างระดับเชียงรากน้อยเดินรถทางตรงผ่านแยกบ่อส่า - กลับรถใต้สะพานแม่น้ำเจ้าพระยา - เลี้ยวซ้ายทางแยกบ่อส่า - เดินรถตรงมาจนถึงศูนย์
3. เส้นทางที่ 3  ทางด่วนสายปากเกร็ดบางปะอิน-ลงทางด่วนบางปะอินตรงผ่านแยกบ่อส่า - กลับรถใต้สะพานแม่น้ำเจ้าพระยา-เลี้ยวซ้ายทางแยกบ่อส่า - เดินรถตรงมาจนถึงศูนย์ฯ
4. เส้นทางที่ 4  ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) จากรังสิตหรือภาคเหนือหรือภาคอีสาน - ผ่านแยกต่างระดับบางปะอินเข้าทางหลวงหมายเลข 9 (ถนนวงแหวนตะวันตก) – ตรงผ่านแยกต่างระดับเชียงรากน้อย – เดินรถทางตรงผ่านแยกบ่อส่า - กลับรถใต้สะพานแม่น้ำเจ้าพระยา – เลี้ยวซ้ายทางแยกบ่อส่า - เดินรถตรงมาจนถึงศูนย์
5. เส้นทางที่ 5  ทางหลวงเอเชีย จาก อำเภอบางปะหัน - อยุธยา มาตามทางหลวงหมายเลข 347 (ปทุมธานี-บางปะหัน) - ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา - แยกต่างระดับเชียงรากน้อยเลี้ยวขวา – เดินรถทางตรงผ่านแยกบ่อส่ากลับรถใต้สะพานแม่น้ำเจ้าพระยา - เลี้ยวซ้ายทางแยกบ่อส่า - เดินรถตรงมาจนถึงศูนย์ฯ
6. เส้นทางที่ 6  ทางหลวงหมายเลข 3309 (บางปะอินเชียงรากน้อย) จากทางหลวงสายเอเชีย หรืออยุธยา ผ่านหน้าโรงงานกระดาษบางปะอิน - ลอดใต้สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา - เลี้ยวซ้ายทางแยกท่าน้ำบางไทร - เดินรถตรงมาจนถึงศูนย์ฯ
 
รถโดยสารประจำทาง สามารถนั่งรถโดยสารประจำทางสาย 838 (รังสิต-ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร) จาก ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ถนนพหลโยธินตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น. หรือ รถโดยสารประจำทางจากสถานีขนส่งหมอชิต ถนนกำแพงเพชร 2 ทุกวัน  สอบถามรายละเอียดโทร. 0 2936 2852-66 สถานีขนส่งอยุธยา โทร.0 3533 5304 บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร. 1490 หรือ www.transport.co.th
 
รถไฟ สามารถขึ้นรถไฟจากสถานีรถไฟหัวลำโพงมาสถานีรถไฟอำเภอบางปะอิน มีบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 06.40-22.00 น. จากนั้นต่อรถสองแถว ไปศูนย์ศิลปาชีพบางไทร สอบถามรายละเอียดโทร. 0 2220 4334, 1690 สถานีรถไฟอยุธยา โทร. 0 3524 1520 หรือ  www.railway.co.th   
 
ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ ตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยา เลขที่ 59 หมู่ 4 ตำบลช้างใหญ่  บนพื้นที่ 45 ไร่  บริเวณภายในศูนย์ฯ ประกอบด้วย 2 อาคารหลัก คือ ศาลาพระมิ่งมงคล และ อาคารตลาด 
 
ศาลาพระมิ่งมงคล อาคารขนาดใหญ่ 3 ชั้น ซึ่งเป็นอาคารแสดงสินค้าและนิทรรศการศิลปหัตถกรรมเพื่อการส่งออก ในพื้นที่ 34,340 ตารางเมตร บริเวณชั้น 1 พื้นที่จัดแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 หอศิลปาชีพ จัดแสดงของตกแต่ง เครื่องแต่งกาย ของขวัญหรือของชำร่วยและของใช้ในครัวเรือน ส่วนที่ 2 จัดแสดงผลงานศิลปหัตถกรรมของศูนย์ศิลปหัตถกรรมของศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ และยังมีร้านค้าที่จัดจำหน่ายสินค้าศิลปาชีพซึ่งผลิตจากฝีมือนักเรียนศิลปาชีพบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และศูนย์ศิลปาชีพต่างๆ  ส่วนที่ 3 ร้านค้าจำหน่ายสินค้าศิลปหัตถกรรมไทยซึ่งมีทั้งร้านค้าจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์และร้านค้าจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมจากภาคต่างๆ ทั่วประเทศ  ส่วนที่ 4 พื้นที่สาธิตการแสดงศิลปหัตถกรรมไทยที่หาชมได้ยาก 
บริเวณชั้น 2 และชั้น 3 ใช้เป็นห้องประชุมและห้องเจรจาการค้า เพื่อเป็นการสร้างตลาดและกระจายสินค้าศิลปาชีพไปยังตลาดต่างประเทศอย่างกว้างขวาง รวมถึงรองรับระบบพาณิชย์อิเล็คทรอนิคส์   
 
อาคารตลาด สร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่จัดจำหน่ายสินค้าศิลปหัตถกรรมและสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์จาก 76 จังหวัด เปิดทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-17.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดราชการ เวลา 09.00-18.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 0 3536 7054-9 โทรสาร 0 3536 7051
 
สวนกล้วยไม้บางไทรการ์เด้น  เป็นสวนกล้วยไม้ปลูกบนดินแห่งแรกในประเทศไทยที่จัดตกแต่งอย่างสวยงามสกุลมอคาลาและกล้วยไม้หลากหลายพันธุ์เหมือนสวนทิวลิปในประเทศฮอลแลนด์ เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สอนการปลูกกล้วยไม้ เพื่อการท่องเที่ยวและทัศนศึกษา เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมทุกวัน โดยไม่เก็บค่าเข้าชม ตั้งอยู่ริมถนนสามโคก-เสนา ตำบลบางไทร เปิดเวลา 08.00-17.00 น. โทร. 0 3537 2443-6 โทรสาร 0 3537 2441

ร้านอาหาร พรีโม่พอสโต้(เขาใหญ่)


เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยน อยูในพรีโม่พอสโต้ พรีโม่พอสโต้เป็นสถานที่เล็กๆ สร้างข้นเป็นอาคาร 3 หรือ 4 หลังด้วยกัน ด้วยสไตล์อิตตาลี ตั้งอยู่ในเขาใหญ่ เจ้าของเป็นคนเดียวกันกับ เจ้าของปาลิโอ    ปาลิโอก้สร้างสไตล์อิตาลีเหมือนกัน แต่ใหญ่กว่า และมีร้านค้า ร้านอาหาร และอื่นๆ ห่างกันประมาณ 4 กิโลเมตร คุณสามารถไปชมได้ทั้งสองที่  

นี่คือ สวนองุ่น
พรีโม่พอสโต้ เป็นร้านเล็กๆ ขายไอศครีม เป็นร้านอาหารและ สวนองุ่น  มีความสวยงามมากๆ แต่มีขนาดเล้ก ค่าเข้าชม 55 บาท มีที่จอดรถขนาดใหญ่  อยู่ฝั่งตรงข้าม
วันศุกร์ (Friday) : 09.00 - 21.00 น.
วันเสาร์ (Saturday) : 09.00 - 21.00 น.
วันอาทิตย์ (Sunday) : 09.00 - 18.00 น.
หมายเลขติดต่อ Primo Posto "พรีโม่พอสโต้" : 084-035-8554
เว็บไซต์: www.primo-posto.net


ภายในร้านอาหาร
เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนจริงๆ คุณไม่ผิดหวังแน่ๆ ถ้าคุณได้ทานอาหารที่นี่ อาหารอร่อย สถานที่สวย แต่ไม่มีอะไรพิเศษ ราคาค่อนข้างแพง  
นี่คือเมนู 

เริ่มจาก: นี่นี่บริการขนมปั่งอุ่น กับน้ำมันมะกอก พร้อมทั้งน้ำสมสายชู ฟรี เสริร์ฟบนโต๊ะ คุณจะรู้สึกเหมือนอยู่ในอิตาลีจริงๆ
ยินดีต้อนรับสู่อิตาลี!
เราเริ่มจากซุปหอม แล้วก็ต่อด้วยพาสต้า  (Tagliatelly beef goulash -280 บาท) ซึ่งอาหารอร่อยมาก เนื้อรสชาติดีมาก และเสิร์ฟกับพาสต้าสด


หลังจากนั้น, เราสั่งเมนูไก่ ไม่ค่อยพิเศษมาก
Tascan ไก่ กับ พาสต้า 250 บาท
ถ้าคุณอยู่ในพื้นที่ หรือผ่าไปทางนั้น ลองไปชมที่นั่น อย่างน้อยก้ไปชมวิวทิวทัศน์ และสิ่งก่อสร้างสไตล์อิตาลี แต่สำหรับร้านอาหาร ที่ สปาโก้ ใน อุบลราชธานี อาหารอิตาเลี่ยนดีกว่า และอยู่ในอีสาน

Tuesday, October 16, 2012

ล่องใต้เที่ยวทะเลเมืองตรัง ลุยป่า-ลอดถ้ำสัมผัสสีเขียว


จังหวัดตรัง

จังหวัดตรัง

ล่องใต้เที่ยวทะเลเมืองตรัง ลุยป่า-ลอดถ้ำสัมผัสสีเขียว
 (ไทยโพสต์)
โดย :  สรณะ 

           หากพูดถึงจังหวัดสีเขียว เมืองตรัง อยู่ในใจของนักผจญภัยอย่างแน่นอน ด้วยความยาวของชายฝั่งทะเลอันดามันกว่า 120 กม. ที่มีหาดทรายขาว ปะการังสวย น้ำทะเลใส หรือเกาะแก่งกลางทะเลที่งดงามด้วยภูมิทัศน์ นอกจากนี้ ยังมีทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ ทั้งป่า เขา น้ำตก ถ้ำ หินสูงตระหง่านที่ล้อมรอบด้วยหน้าผาสูง งดงามเกินคำบรรยาย   

           การเดินทางของเราเริ่มต้นด้วยการเที่ยวป่าเป็นอันดับแรก ที่สวนพฤกษศาสตร์สากลภาคใต้ (ทุ่งค่าย) อ.ย่านตาขาว ก่อนมาที่นี่หลายคนนึกถึงผืนป่าใหญ่กว้างขวาง มีเทือกเขาทอดตัวยาว หรือมีเขาสูงเตี้ยสลับกันไป แต่สวนพฤกษศาสตร์สากลภาคใต้ สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ เป็นต้นน้ำของลำห้วยเล็ก ๆ ลักษณะป่าจะเป็นป่าดิบชื้น ป่าพรุ และทุ่งหญ้าเป็นพื้นที่ป่าแวดล้อมไปด้วยชุมชนเล็ก ๆ โดยรอบ จึงกล่าวได้ว่าเป็นเมืองล้อมป่า มิใช่ป่าล้อมเมืองเฉกเช่นผืนป่าทั่วไป

จังหวัดตรัง

           ภายในมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติให้เลือกหลายเส้นทาง ที่พลาดไม่ได้ คือเส้นทางสะพานศึกษาเรือนยอดไม้ (Canopy Walk Way) ลักษณะเป็นหอคอยไต่ระดับมีสะพานแขวนเชื่อมต่อกัน ระยะทางยาวประมาณ 175 เมตร สูงประมาณ 18 เมตร สร้างขึ้นเพื่อใช้ศึกษาความแตกต่างทางชีวภาพของป่าดิบในความสูงระดับต่าง ๆ และสามารถมองเห็นป่าไม้ในระยะใกล้ชิดอีกมุมมองหนึ่ง และได้สัมผัสกับธรรมชาติของสังคมพืชเรือนยอดไม้ของต้นไม้สูง ๆ ได้อย่างชัดเจนในระดับสายตา ไม่ว่าจะเป็นใบ ดอก และผล 

           อีกทั้งจะได้พบเห็นสัตว์ป่าจำพวกนก กระรอก กระแต ลิง ค่าง โดยไม่ต้องแหงนหน้าขึ้นฟ้า แล้วใช้กล้องส่อง ถ้ามองลงมาด้านล่างจะเห็นรอยต่อระหว่างป่าดิบชื้นกับป่าพรุได้ชัดเจน โดยสถานที่ดังกล่าวนี้ สามารถเที่ยวได้ตลอดปี ใช้เวลาเดินประมาณ 1-2 ชั่วโมง

จังหวัดตรัง
    
           ต่อมาเราก็ออกเดินทางไปพายเรือระทึก ถ้ำเล เขากอบ อ. ห้วยยอด เป็นถ้ำที่มีสายน้ำไหลผ่านตัวถ้ำ การเข้าชมความงามของถ้ำดังกล่าวไม่เหมือนการเข้าชมถ้ำที่อื่น ๆ เพราะผู้เข้าชมต้องนั่งเรือท้องแบนไฟเบอร์ขนาด 5 คน ที่ทาง อบต.เขากอบจัดเตรียมไว้ให้ พร้อมคนพายหัวท้ายเรือจะเคลื่อนตัวลอยเลาะเลียบสายน้ำไปตามลำคลองเล็ก ๆ อย่างช้า ๆ ให้ได้ชื่นชมบรรยากาศสบาย ๆ ของสองฟากฝั่งที่ร่มรื่นเขียวครึ้มไปด้วยต้นยาง

           มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อเรือมาชะลอตัวอยู่หน้าภูเขาสูงชัน ที่เบื้องหน้ามีเพียงสายน้ำที่ไหลลอดหายเข้าไปใต้ภูเขา ระหว่างทางเรือจะเทียบท่าให้เดินขึ้นไปในเวิ้งถ้ำเพื่อชมความงามของหินงอกหินย้อยรูปร่างต่าง ๆ มีทั้งหมด 8 ถ้ำ แต่ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวชมเพียง 5 ถ้ำ

           ไฮไลต์ของการล่องเรือจะอยู่ในช่วงที่เพดานต่ำสุด เรียกช่วงนี้ว่า "การลอดท้องมังกร" ทุกคนบนเรือต้องนอนราบไปกับเรือ เพราะระยะห่างระหว่างเพดานถ้ำอยู่ห่างจากปลายจมูกประมาณแค่หนึ่งฝ่ามือ ใช้เวลาในการล่องเรือประมาณ 1 ชั่วโมง ทุกคนที่เข้าไปแล้วออกมา จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า สนุกและตื่นเต้นแบบไม่เคยเจอมาก่อน

จังหวัดตรัง

           ถัดมาก็ถึงคราวต้องลงทะเล มิเช่นนั้นเดี๋ยวจะมาไม่ถึงตรัง โดยเฉพาะถ้ำมรกต ณ เกาะมุก ถือว่าเป็นอันซีน ไทยแลนด์ เป็นถ้ำทะเลที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดของภูผา มีความงดงามตระการตาอย่างมาก ซึ่งจะเข้า-ออกได้เฉพาะช่วงน้ำลงเท่านั้น 

           จากปากทางเข้าถ้ำซึ่งเป็นโพรงเล็ก ๆ ช่วงเวลาน้ำลด โพรงนี้จะสูงพ้นระดับน้ำพอให้เรือคายัค ลอดมาได้ แต่หากช่วงน้ำมากอาจจะต้องว่ายน้ำลอยคอเกาะกันเข้าไปตามทางที่คดโค้ง ระยะทางประมาณ 80 เมตร

จังหวัดตรัง

           เมื่อพ้นปากถ้ำออกมา อีกด้านจะเป็นหาดทรายขาวสะอาดล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชัน ที่มีท้องฟ้าเป็นหลังคา และผนังแต่งแต้มด้วยลายเขียวของใบไม้ โพรงที่ลอดเข้าถ้ำมรกตจะอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของตัวเกาะ ยามแสงอาทิตย์ทำมุมพอเหมาะ ทั้งเกาะและเวิ้งถ้ำก็พลันกลายเป็นสีเขียวมรกตสวยงาม ประหนึ่งจิตรกรรมแห่งธรรมชาติที่ได้บรรจงสร้างให้มวลมนุษย์ได้ชื่นชม

           หลังจากว่ายกลับออกมาหน้าปากถ้ำมรกต รอบ ๆ เกาะมุกยังมีแนวปะการังแข็งอ่อน กัลปังหา และปลาหลากชนิดน่าชมมาก เหมาะสำหรับทั้งการดำน้ำตื้นและลึก นอกจากนี้ หากแวะไปที่ชายหาดสวยงามด้านฝั่งตะวันออกของเกาะ ก็จะได้พบกับวิถีชีวิตชาวประมงของชุมชนบ้านเกาะมุก ซึ่งสะท้อนให้เห็นการใช้ชีวิตแบบพอเพียงที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้

จังหวัดตรัง

           ปิดท้าย ด้วยการนั่งเรือไปพายคายัครอบ เกาะกระดาน ชมปะการังน้ำตื้น ถือเป็นเกาะที่สวยแห่งหนึ่งของทะเลตรัง  อยู่ทางด้านตะวันตกของเกาะมุก และเกาะลิบง มีเนื้อที่กว่า 600 ไร่

           หาดทรายที่นี่ขาวเนียนละเอียดมากเหมือนแป้ง น้ำทะเลใสสีสวยจนเห็นริ้วทรายใต้พื้นน้ำ สุดชายหาดด้านเหนือ นักท่องเที่ยวจะได้เห็นแนวปะการังทอดยาวออกไปในทะเลเกือบร้อยไร่ เช่น ปะการังสมอง ปะการังเขากวาง ปะการังอ่อนหนามแดง และสามารถมองเห็นปลาหลากชนิดที่มีสีสันสวยงามแหวกว่ายไปมาอย่างชัดเจน เป็นเสน่ห์ที่ไม่เหมือนเกาะอื่น ๆ ด้วยเหตุนี้เอง จึงถูกเลือกให้เป็นสถานที่จัดงานวิวาห์ใต้สมุทรของจังหวัดตรัง

จังหวัดตรัง

           นอกจากนี้ ที่หน้าหาดยังเป็นที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามมาก สามารถมองเห็นเกาะมุก เกาะแหวน เกาะเชือก เกาะม้าเรียง ไปจนถึงเกาะไหง จากหาดนี้มีเส้นทางเดินเท้าไปชมยังหาดอื่น ๆ ของเกาะได้ เช่น หาดอ่าวช่องลม อยู่ทางฝั่งตะวันตกของเกาะ ซึ่งเป็นจุดเฝ้ารอชมพระอาทิตย์ตกดิน ลักษณะหาดเป็นหาดเล็ก ๆ ทรายเม็ดละเอียด แต่มีโขดหินสีน้ำตาลเกลื่อนกลาดเต็มหาด เป็นภูมิทัศน์ที่ดูแปลกตา ทางทิศใต้ของเกาะมีแนวปะการังน้ำตื้นอยู่ด้านหน้าหาดอ่าวเนียง ซึ่งเป็นจุดดำน้ำอีกแห่งหนึ่งของเกาะกระดาน

จังหวัดตรัง

           เห็นความมหัศจรรย์ของเมืองตรังแล้ว เล่นเอาหลายคนอยากจัดกระเป๋ามาเที่ยวได้ทันที แต่มีคำเตือนนิดเดียวจากชาวตรัง ขอให้มาแต่ตัว และเก็บความทรงจำที่ประทับใจกลับออกไปเท่านั้น อย่าเข้ามาทำลายทรัพยากรธรรมชาติ อย่าเอาขยะมาทิ้งไว้ ขณะที่การพายเรือก็อย่าใช้ไม้ค้ำจนปะการังได้รับความเสียหาย ส่วนการไปถ้ำก็อย่าสัมผัสหินงอกหินย้อย เพราะจะทำให้มันตาย และหากเป็นไปได้ การเดินทางมาที่นี่ควรใช้รถไฟแทนเครื่องบิน เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นไปตามแนวคิด 7 Greens ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. 
 
           ง่าย ๆ แค่นี้ นักท่องเที่ยวทุกคนก็มีส่วนทำให้จังหวัดตรังคงความสวยงามตามธรรมชาติ และที่สำคัญมีส่วนช่วยรักษาโลกใบนี้อีกด้วย

บทความที่ได้รับความนิยม